วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

ทำไมต้องวางแผนทางการเงิน(1)

1.1 ทำไมต้องวางแผนทางการเงิน (Why Financial Planning)

หัวข้อนี้เราพูดถึงความจำเป็น(Need)ในเรื่องของ"การวางแผนทางการเงิน"กันครับ

ถ้าพูดถึงการวางแผนทางการเงินผมอยากเริ่มต้นด้วยเรื่องที่ผมคิดว่าสำคัญมากๆ
ซึ่งผมเองก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน นั่นคือ
หลังจากเลิกทำงานหรือมีรายได้ประจำแล้วผมควรมีเงินไว้ใช้หลังเกษียณเป็นจำนวนเงินเท่าไหร ???

ผมลองคิดแบบง่ายๆไม่ซับซ้อน ไม่ต้องคิดเรื่องเงินเฟ้อ,เรื่องดอกเบี้ยจากการฝากเงินหรือการลงทุนอะไร แค่อยากรู้จำนวนเงินคร่าวๆว่าต้องเตรียมสักเท่าไหร่จึงจะพอใช้อย่างไม่ลำบากมากนัก

สมมติว่าผมกะว่าจะเลิกทำงานตอนอายุ 60 ปี
และจะมีชีวิตหลังจากนั้นสัก 20 ปีละกัน

ผมอยากมีเงินใช้แบบชิวๆ กินอาหารโน่นนี่ ใช้ชีวิตคุณภาพไม่แย่จนเกินไปนัก
ตีว่าสัก 20,000 บาทต่อเดือนละกัน
ดังนั้นต้องมีเงินเก็บเท่ากับ
20,000 บาท/เดือน x 12 เดือน x 20 ปี = 4,800,000 บาท
อ่านว่า สี่ล้านแปดแสนบาท !!!!!
(กรี๊ดด ตอนนี้ยังมีเงินเก็บแสนกว่าบาทเองนะ !!!!)

ทีนี้ลองมาคิดแบบชีวิตจริงขึ้นมาอีกหน่อย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราให้เราต้องเหนื่อยมากกว่าที่คิดก็คือ"เงินเฟ้อ"ครับ

เงินเฟ้อคืออะไร ???
ถ้าอธิบายแบบบ้านๆ ก็คือ เงินจำนวนเท่ากัน ณ เวลาปัจจุบันจะมีกำลังซื้อน้อยลงในอนาคต
หรือพูดง่ายๆก็คือ เราต้องจำนวนเงินที่มากขึ้น เพื่อที่จะใช้ซื้อสิ่งของแบบเดียวกันในอนาคต
หรือเอาที่ง่ายกว่านั้นคือ ข้าวของ สินค้า ค่าใช้จ่าย ค่าบริการต่างๆ จะแพงขึ้น นั่นเอง !!!

ลองมาดูตัวอย่างกันครับ



ข้าวหอมมะลิ 5 กก. เมื่อปี 2546 ราคาถุงละ 130 บาท
ผ่านมา 10 ปี ปัจจุบัน ข้าวหอมมะลิแบบเดิม ราคาทะยานมาถึงถุงละ 200 บาท !!!
คิดเป็นอัตราเงินเฟ้อ 4.5%

วิธีการคำนวณ

F = P[(1+f)^n]

F = มูลค่า,ราคา ในอนาคต
P = มูลค่า, ราคา ในปัจจุบัน
f = อัตราเงินเฟ้อต่อปี
n = จำนวนปี

สูตรนี้ใช้ในกรณีหากเราอยากทราบค่า ราคาสินค้าของข้าวของต่างๆในอนาคต
หากเราทราบค่าอัตราเงินเฟ้อของสินค้านั้นๆ (โดยอาจหาข้อมูลจากอดีต เพื่อทำนายอนาคต)

ในกรณีที่เรามีข้อมูลราคาสินค้าในอดีตถึงปัจจุบัน และเราต้องการทราบ
อัตราเงินเฟ้อเราก็สมารถคำนวณได้โดยใช้สูตร

f = [(F/P)^(1/n)]-1
(ดูเหมือนยากนะ แต่กดเครื่องคิดเลขตามนี้ก็ออกเลยนะจ๊ะ)

ลองกดเครื่องตามดู กรณีข้าวสารด้านบนดูครับ

f = [(200/130)^(1/10)]-1 = 0.044 = 4.4%

ที่ว่าไปนั้นเป็นตัวอย่างค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันครับ

ที่นี้ลองมาดูค่าใช้จ่ายสำคัญที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ และน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงอีกอย่าง
คือค่ารักษาพยาบาลครับ


จากตัวอย่าง จะเห็นว่าค่ารักษาพยาบาลนี่ไม่ใช่เล่นๆนะครับ
ถ้าลองประมาณการตัวเลขดูจะเห็นว่า
"10 ปีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า"ครับผม - -"

ลองกดเครื่องคิดเลขตามสูตรดูนะ

ส่วนเสริม
ถ้าอยากทราบว่าอัตราเงินเฟ้อเท่าไหร่จึงทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 2 เท่าในระยะเวลา 10 ปี
ใช้สูตรคำนวณเดิม

f = [(F/P)^(1/n)]-1

โดยจากโจทย์ F/P = 2, n = 10
f = [2^0.1]-1 = 0.0717 = 7.17%
หรือสรุปได้ว่า "อัตราดอกเบี้ยเงินเฟ้อ 7% ต่อปี ทำให้ สินค้าแพงขึ้น 1 เท่าตัวในระยะเวล 10 ปี" นั่นเอง

ในชีวิตคนเราอย่างน้อยๆน่าจะมีโอกาสได้เข้าห้อง ICU 1 ครั้ง (เรื่องจริงที่ต้องยอมรับนะ)
ผมยกตัวอย่างเคสกลางๆ ให้เป็นค่าใช้จ่าย 200,000 บาทละกัน

ขอยกตัวอย่างตัวผมเอง ซึ่งตอนนี้อายุ 35 ปี

อีก 10 ปีข้างหน้า อายุ 45 มีค่าใช้จ่าย 200,000 x 2 = 400,000 บาท
อีก 20 ปีข้างหน้า อายุ 55 มีค่าใช้จ่าย 400,000 x 2 = 800,000 บาท
อีก 30 ปีข้างหน้า อายุ 65 มีค่าใช้จ่าย 800,000 x 2 = 1,600,000 บาท
อีก 40 ปีข้างหน้า อายุ 75 มีค่าใช้จ่าย 1,600,000 x 2 = 3,200,000 บาท

เฮ้ย !!!! ไม่ใช่เล่นๆแล้วนา

ลองดูตัวอย่างสินค้าในชีวิตประจำวันอื่นๆดูครับ

ให้พอเห็นอนุภาพของเจ้า"เงินเฟ้อ"พอให้สะดุ้งเล่นกันครับ

ถ้าใครขี้เกียจกดเครื่องคิดเลขผมมีตารางสำเร็จรูปมาให้ใช้ครับ


เจ้าอัตราเงินเฟ้อที่ 3.5% นี้เป็นอัตราที่ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไปครับ
สามารถนำมาคำนวณจำนวนเงินคร่าวๆได้ตามความเป็นจริงครับผม

วกกลับมาที่เรื่องเงินค่าใช้จ่ายหลังเกษียณที่ได้ลองคำนวณไปตอนต้น
ผมตีค่าใช้จ่ายกลมๆ(สำหรับตัผมเอง) ที่ 20,000 บาท/เดือน
รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด 20 ปีก็เท่ากับ 4,800,000 บาท
ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่ได้คิดถึงอัตราเงินเฟ้อครับ

ที่นี้ลองคำนวณแบบมีค่าเงินเฟ้อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ดูว่าเงินที่ผมต้องเตรียมไว้เป็นค่าใช้จ่าย ต้องเป็นเท่าไหร่กันแน่ ??

ตอนนี้ผมอายุ 35 ปี อีก 25 ปี อายุ 60 ปี ตั้งจะหยุดทำงาน

F = P[(1+f)^n] = 4.8[(1+0.035)^25] = 11.34 ล้านบาท !!!!!

ถ้าผมเริ่มเก็บเงินตั้งแต่วันนี้เลยก็เหลือเวลาอีก 25 ปีในการหาเงินจำนวนนี้มาให้ได้
ต้องเก็บเงินปีละ 11.34/25 = 0.45 ล้านบาท = 450,000 บาท/ปี
หรือเดือนละ 37,8000 บาท !!!!
คุณพระ นั่นมันเท่ากับเงินเดือนปัจจุบันผมเลยนะ
ไม่ต้องกินต้องใช้กันพอดี - -"

ที่กล่าวมาทั้งหมดพอจะเห็นความสำคัญของการ "วางแผนทางการเงิน" และความร้ายกาจของเจ้า "เงินเฟ้อ"กันมาบ้างรึยังครับ

เนื้อหาบทนี้ไม่ได้ต้องการให้เกิดความตระหนก หรือตื่นกลัวอนาคตจนเกินไปครับ
แค่อยากให้ตระหนัก (Awareness) กันเกี่ยวกับการใช้เงินในปัจจุบันก็เท่านั้นเอง

ใครตระหนักก่อน รู้ตัวก่อนก็ไม่เหนื่อยมากในการหาเงินเพื่อให้เพียงพอสำหรับอนาคต
ใครรู้ตัวช้าอย่างผม ก็เหนื่อยหน่อย แต่ก็ยังดีที่รู้ตัว

ส่วนวิธีการต่างๆเพื่อให้บบรลุเป้าหมายเองก็มีกระบวนการ มีขั้นตอน ระเบียบวินัย
วิธีการของมัน

ก็ลองตามๆอ่านบล็อคไปเรื่อยๆละกันครับ

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=bGK6nYR5ppA

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น